เป็นปัญหาหนักอกสำหรับคุณแม่มือใหม่หลายท่าน ว่าจะคลอดลูกธรรมชาติ หรือใช้วิธีผ่าคลอดดี?? วันนี้มีความรู้จากผู้เชี่ยวชาญอยากมาบอกต่อ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องกันนะคะ

เมื่อพูดถึงการคลอด การที่คุณแม่เบ่งคลอดเองทางช่องคลอดถือว่าเป็น “การคลอดตามธรรมชาติ” ซึ่งส่วนมากก็มักจะลงเอยด้วยความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยที่คลอดออกมา แต่ก็มีคุณแม่จำนวนไม่มากที่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติสำเร็จ ต้องใช้เครื่องมือ เช่น คีม หรือเครื่องดูดสูญญากาศช่วยคลอดออกมา กรณีนี้มักจะพบในกรณีที่คุณแม่ไม่มีแรงเบ่ง เบ่งไม่เป็น หรือหัวของลูกหมุนผิดตำแหน่ง แทนที่จะก้มหัวคลอดออกมา กลับแหงนหน้าออกมาแทน เป็นต้น นอกจากสองวิธีนี้แล้ว ยังมีการคลอดอีกวิธีหนึ่งก็คือ “การผ่าตัดคลอดเอาลูกออกทางหน้าท้อง”

“การผ่าตัดคลอด” เป็นวิธีที่แพทย์ส่วนมากจะสงวนเอาไว้ใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นจริงๆ เช่น ลูกคลอดทางช่องคลอดไม่ได้เพราะตัวใหญ่มาก ลูกนอนอยู่ในท่าหรือแนวที่ผิดปกติ หรือบางกรณีก็ผ่าตัดเพราะปัญหาอื่น เช่น รกเกาะต่ำขวางที่ปากมดลูกและมีเลือดออกมาหากทิ้งไว้นานอาจเป็นอันตรายทั้งแม่และลูกในท้องได้ ในบางรายที่คุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และลูกในท้องไม่ค่อยแข็งแรง เสี่ยงที่จะขาดออกซิเจนขณะเจ็บท้องคลอดได้ กรณีนี้คุณหมอก็อาจจะต้องผ่าตัดคลอดเพื่อความปลอดภัย ของลูกเช่นกัน

แต่แม้จะยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการผ่าตัดคลอดในปัจจุบันมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการผ่าตัดคลอดจะไม่มีอันตรายอะไรเลย และเมื่อเปรียบเทียบกับการคลอดทางช่องคลอดแล้ว การผ่าตัดคลอดก็ยังคงมีอันตรายมากกว่าการคลอดทางช่องคลอดอยู่ดี

ข้อดีของการผ่าคลอด มีมากมายหลายประการ

1. แม่ไม่ต้องเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากยาสลบ
2. ไม่ต้องกรีดหน้าท้อง กรีดมดลูก ซึ่งทำให้เสียเลือดมาก
3. ติดเชื้อยากกว่าการผ่าตัดคลอด
4. คลอดธรรมชาติ จะสามารถฟื้นตัวได้ไวกว่าผ่าตัดคลอด นั่นหมายถึงสามารถอุ้มและให้นมลูกได้เร็วเช่นกัน

นอกจากนี้ ทารกที่คลอดทางช่องคลอดนั้น ในระหว่างที่เดินทางผ่านช่องทางคลอดจะมีการกลืนสารคัดหลั่งในช่องทางคลอดซึ่งอุดมไปด้วยแบคทีเรียที่เป็น probiotic มากมายเข้าสู่ลำไส้ไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกด้วยค่ะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว อยากให้แม่ ๆ ทุกคนเลือกตัดสินใจให้ดีโดยปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อประเมินความเสี่ยงค่ะ ขอให้เด็ก ๆ ปลอดภัย และมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ 🙂

เรียบเรียงจาก www.si.mahidol.ac.th, www.pantip.com